มูลนิธิโคคา-โคลา ประเทศไทย ร่วมกับ มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ สนับสนุน “โครงการเครือข่ายพี่นำน้องรักษ์น้ำ ตามแนวพระราชดำริ” ประจำปี 2568 เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้และพัฒนาศักยภาพของเยาวชนไทยในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ตามแนวพระราชดำริ โดยมุ่งหวังให้เกิดการพัฒนา ฟื้นฟู และจัดการทรัพยากร ดิน น้ำ ป่า อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ในปีนี้มูลนิธิโคคา-โคลา ประเทศไทย สนับสนุนโครงการด้วยความมุ่งมั่นเดินหน้าสานต่อการบริหารจัดการน้ำเพื่อชุมชนเพื่อต่อยอด โครงการ “รักน้ำ” ที่สนับสนุนชุมชนทั่วประเทศในการบริหารจัดการน้ำที่ดำเนินมากว่า 17 ปี โดย มูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ ดำเนินโครงการ ถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์เชิงวิชาการด้านการจัดการทรัพยากรน้ำ พร้อมออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้เชิงปฏิบัติการ (Learning by Doing) เพื่อให้เยาวชนได้ฝึกฝนทักษะและสามารถนำไปประยุกต์ใช้จริงในพื้นที่



ในปีนี้มีเยาวชนและครูจากทั่วประเทศ จาก 26 กลุ่มเยาวชนได้รับการพิจารณา เข้าร่วมโครงการ โดยทุกกลุ่มล้วนมีประสบการณ์ในการดำเนินงานด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติไม่น้อยกว่า 1 ปี พร้อมมีแผนงานที่สามารถต่อยอดสู่การปฏิบัติจริงในพื้นที่ชุมชนของตนในปี 2568 โดยค่ายเยาวชนครั้งนี้มุ่งเน้นการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างรอบด้าน ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ผ่านกิจกรรมหลากหลาย อาทิ การจัดทำแผนที่และผังน้ำเบื้องต้นด้วยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS), การใช้เครื่องมือระบุพิกัด (App LING) และเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) เพื่อการควบคุมการใช้น้ำ, การใช้แอปพลิเคชัน Thai Water และการบำบัดน้ำเสียและการเรียนรู้จากพื้นที่ต้นแบบความสำเร็จด้านการบริหารจัดการน้ำ นอกจากนี้ เยาวชนยังได้ฝึกทักษะการแก้ปัญหาเชิงระบบ การทำงานร่วมกับชุมชน และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในพื้นที่ของตนเอง ต่อยอดเป็นโครงการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และจัดการน้ำอย่างยั่งยืน

คุณศรุต วิทยารุ่งเรืองศรี กรรมการและเลขานุการ มูลนิธิโคคา-โคลา ประเทศไทย กล่าว “มูลนิธิโคคา-โคลา ประเทศไทย มุ่งมั่นทำงานด้านการจัดการน้ำอย่างต่อเนื่องมาเกือบสองทศวรรษผ่านโครงการ “รักน้ำ” จำนวน 14 โครงการ ทั่วประเทศ เพราะเราเชื่อว่าน้ำเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญที่ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิต เศรษฐกิจ และสังคม โครงการเครือข่ายเยาวชนพี่นำน้องรักษ์น้ำฯ ถือเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ของโครงการ “รักน้ำ” โดยมุ่งเน้นการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่เยาวชน ซึ่งจะเป็นผู้สืบสานและขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำในชุมชนอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยเราได้สนับสนุนกลุ่มเยาวชนที่ดำเนินงานในหัวข้อ “การฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ” 11 กลุ่ม และอีก 7 กลุ่มในหัวข้อ “การบำบัดและรักษาคุณภาพน้ำ” เราภูมิใจที่ได้เห็นเยาวชนไทยลุกขึ้นมาเป็นแกนนำในการร่วมมือกันแก้ปัญหาด้านทรัพยากรน้ำในชุมชน จนถึงลงมือทำจริง และสร้างการเปลี่ยนแปลงที่เกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรมให้แก่ชุมชนของตนเอง”

ดร. รอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร กล่าวเสริมว่า “โครงการเครือข่ายเยาวชนพี่นำน้องรักษ์น้ำ ตามแนวพระราชดำริ เกิดขึ้นเพื่อการส่งต่อและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการจัดการน้ำโดยใช้กรอบคิดแบบองค์รวมและการพึ่งพาตนเอง เราเชื่อมั่นว่าพลังของเยาวชนคือหัวใจสำคัญที่จะร่วมพัฒนาและดูแลระบบนิเวศต่อไปในอนาคต เพื่อให้ชุมชนอุดมสมบูรณ์และมีน้ำใช้เพียงพอ ทั้งเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตร การมีภาคีเครือข่ายอย่างมูลนิธิโคคา-โคลา ประเทศไทย มาช่วยเสริมพลังให้การสนับสนุนในครั้งนี้ จะช่วยทำให้เยาวชนสามารถต่อยอดโครงการได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนยิ่งขึ้น”
ทั้งนี้ปัญหาน้ำยังคงเป็นความท้าทายสำคัญของประเทศไทยที่ต้องแก้ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภัยแล้ง น้ำท่วม และคุณภาพน้ำที่เสื่อมโทรม หากได้รับการแก้ไขด้วยแนวทางที่ถูกต้องและมีการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะเยาวชนที่เป็นกำลังสำคัญของอนาคต ก็สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่ยั่งยืนได้ โครงการเครือข่ายเยาวชนพี่นำน้องรักษ์น้ำ ตามแนวพระราชดำริ จึงเป็นเวทีสำคัญในการถ่ายทอดองค์ความรู้และสร้างพลังเครือข่ายเยาวชนเพื่อดูแลทรัพยากรน้ำของชุมชนตนเอง

ท้ายที่สุดนี้ผลลัพธ์ของโครงการตลอดหลายปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าเยาวชนไทยสามารถนำความรู้ที่ได้มาปรับใช้ในพื้นที่จริงได้อย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่การฟื้นฟูป่าต้นน้ำ การลดปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง ไปจนถึงการจัดการขยะและไมโครพลาสติกในแหล่งน้ำ ซึ่งล้วนมีส่วนช่วยให้ชุมชนมีน้ำเพียงพอเพื่อการอุปโภคบริโภค การเกษตร และการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน