เจอกันอีกแล้วกับทริปขับรถเที่ยวกันยาวๆ กับสโลแกนของเรา “ไปไหน ไปกัน ใกล้ ไกล ไปได้หมด” ครั้งนี้เราสองคนจะพาไปเที่ยวที่เขาใหญ่ ด้วยยานพาหนะคู่การเดินทางจากค่าย GWM (เกรท วอลล์ มอเตอร์) โดยครั้งนี้เราได้เป็นรถยนต์ Tank 500 Diesel 2.4T ULTRA 4WD ซึ่งเป็นรถยนต์ที่เพิ่งเปิดตัวได้เมื่อไม่นาน และเป็นรุ่นที่ขายดีเป็นรถยนต์ที่ใช้นำมันดีเซล ที่เหมาะกับการเดินทางท่องเที่ยว ครั้งนี้ก็จะพาไปไหว้พระขาว และพาไปเดินช้อปของเก่าวินเทจกันที่ ตลาดนัดวันเสาร์มวกเหล็ก หรืออีกชื่อ ตลาดคาวบอยมวกเหล็ก

วัดพระขาว ปากช่อง มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม ตั้งอยู่ที่ตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เป็นวัดนี้มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง องค์พระพุทธรูปสีขาวมีขนาดใหญ่โตและโดดเด่นอยู่บนยอดเขาที่มองเห็นอย่างเด่นชัด



Tank 500 Diesel 2.4T ULTRA 4WD มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร เทอร์โบ (2.4T) ให้กำลัง 184 แรงม้า แรงบิด 480 นิวตันเมตร เกียร์ 9AT เป็นรถยนต์ PPV ขนาด 7 ที่นั่งที่รูปลักษณ์ภายนอกและภายในดูหรูหรา และแฝงไปด้วยความเท่ ตัวรถมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และรองรับน้ำมัน B20 ได้อีกด้วย สเปคแบบคร่าวๆ ก็จะประมาณนี้

การยืมรถไปขับเที่ยวและทดสอบในครั้งนี้ ทางค่าย GWM มีเวลาให้ทางทีมงานเพียงแค่ 3-4 วันเท่านั้นเอง จะขับเดินทางไปเที่ยวระยะทางไกลๆ ก็คงไม่สามารถทำได้ ทาเราเลยเลือกที่จะไปขับทดสอบ Tie – in กันที่จังหวัดใกล้ๆ พวกเราก็ชอบเดินตลาดนัดของเก่าวินเทจเสียด้วย และที่อำเภอมวกเหล็ก จ.สระบุรี จะมีตลาดนัดขายของวินเทจมือสอง ตลาดนี้จะมีขายเฉพาะวันเสาร์ จึงได้ชื่อว่า “ตลาดนัดเปิดท้ายวันเสาร์มวกเหล็ก” หลังจากเดินช้อปปิ้งกันที่ตลาดแล้ว พวกเราก็จะพากันเดินทางไปไหว้พระและสร้างภาพเช็คอินกัน ที่ วัดพระขาว อ.ปากช่อง

ครั้งแรกที่ได้ยลโฉมของ Tank 500 Diesel 2.4T ULTRA 4WD ก็ต้องบอกเลยว่ามันเท่และดูหรูหราสุดๆ คันที่เราได้ไปเป็นสีดำป้ายแดง ทะเบียน ม-4888 เลขสวยเสียกด้วย ภายในูกว้างขวางเอามากๆ สิ่งอำนวยความสะดวกก็ให้มาแบบครบๆ ชอบมากก็เป็นชุดเกียร์นี่แหละ ดูอลังการเอามากๆ



รับรถ Tank 500 Diesel จากโชว์รูมเสร็จก็มากันออกเดินทางไปยังปากช่อง สมาชิกร่วมทริปก็มีมาเพิ่มอีกสองคน เบาะที่นั่งทั้งด้านหน้าคนขับและที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังกว้างขวางเอามากๆ สามารถนั่งเหยียดขาได้อย่างสบายๆ โดยเฉพาะที่นั่งด้านซ้ายคนขับ สามารถที่จะปรับเอนนอนแบบระนาบได้เลย อ๊ะ! ดีงามเข้าไปอีก



เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังปากช่อง ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ด้วยระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร ก็ขับกันแบบสบายๆ ไปเรื่อยๆ แวะก็เข้าห้องน้ำและซื้อกาแฟ ถึงปากช่องก็เกือบๆ หนึ่งทุ่ม แสงสีจากภายในตัวรรถ บอกได้เลยว่า สวยและคลาสสิคมาก บริเวณคอนโซลด้านหน้าทางซ้ายจะมีไฟรูปดาวที่สามารถเปลี่ยนสีได้ และในส่วนของกล้อง 360 องศา มีมุมมองที่ดูง่ายและให้ภาพที่ชัดเจน และเราก็สามารถเลือกได้ว่าจะต้องการภาพแบบลายเส้น หรือภาพแบบมีตัวรถ สำหรับเรา เลือกใช้มุมมองแบบโชว์ตัวรถ มันทำให้ดูเข้าใจง่าย

ทริปนี้เริ่มต้นเดินทางออกจากที่พัก ที่ บ้านไม้วินเทจ ปากช่อง โดยมีเป้าหมายที่จะไปอยู่ 2 แห่ง คือ อันดับแรก ไปเดินช้อปปิ้งของเก่าวินเทจมือสอง ที่ ตลาดนัดเปิดท้ายวันเสาร์มวกเหล็ก จ.สระบุรี หลังจากนั้นก็จะเดินทางไปไหว้พระกันต่อ ที่ วัดพระขาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา



ออกเดินทางในช่วงเวลาประมาณ 9 โมงเช้า เพราะที่ตลาดนัดพ่อค้าแม่ค้าจะมาขายกันตั้งแต่เช้า และจะปิดตัวลงในช่วงบ่ายสองของวัน ถ้าไปสายก็จะไม่มีของให้เลือกซื้อกัน การเดินทางครั้งนี้เราก็มีสมาชิกร่วมทริปไปด้วยอีกสองคน ระยะทางจากที่พักไปยังตลาดนัด ประมาณ 30 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง ระยะทางแค่นี้สบายๆ

ระหว่างการเดินทาง เสียงเพลงก็ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญ การเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับ Tank 500 Diesel นั้นทำได้อย่างง่ายดาย การเชื่อมต่อมีทั้งแบบ Android Auto และ Apple Car Play แต่เราเลือกเชื่อต่อแบบ Android Auto เพราะสมาร์ทโฟนที่ใช้เป็นระบบ Android แต่ถ้าใครใช้สมาร์ทโฟนระบบ ios ก็สามารถเชื่อมต่อแบบ Apple Car Play เชื่อมต่อเสร็จก็เข้าแอ็ป Youtube เพื่อเปิดเพลงฟัง


สำหรับเครื่องเสียง Tank 500 Diesel จะใช้ยี่ห้อ Infinity เป็ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียมจากลำโพง 12 ตัว พร้อมระบบ Surround sound (รุ่น PRO 8 ตำแหน่ง) มาพร้อมระบบแอมพลิฟายเออร์อิสระ เสียงที่ได้ถือว่าโอเคมาก ย่านความถี่ก็มีมาให้แบบครบๆ ไม่ว่าจะเป็น เบส กลาง และแหลม ประมาณว่า ฟังกันแบบสบายๆ ตลอดการเดินทางเลยทีเดียว ฟังเพลงไปด้วย คุยกันไปด้วย ไม่นานก็ขับถึงตลาดนัดเวลาประมาณ 11 โมงเช้า วันนี้แสงแดดเป็นใจเอามากๆ มองดูตลาดไกลๆ วันนี้คนมาช้อปปิ้งกันเยอะเลย พอหาที่จอดรถได้ก็พากันเดินข้ามถนนไปยังตลาดนัด ตื่นเต้นที่จะได้ลุ้นว่า เราจะเจอของที่ชอบๆ และถูกใจหรือเปล่า?



ตลาดนัดวันเสาร์มวกเล็ก หรืออีกชื่อหนึ่ง คือ ตลาดนัดคาวบอยมวกเหล็ก จะเปิดให้บริการเฉพาะวันเสาร์วันเดียว ตลาดเริ่มเปิดขายของตั้งแต่เวลา 06.00 น. และจะปิดในเวลา 12.00 น. ตลาดนี้จะมีความยาวไปตามถนนเกือบๆ ถึงวงเวียนหอนาฬิกา โดยมีระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ก็เดินช้อปฯ กันเพลินเลยสิครับงานนี้



พวกเราก็เริ่มเดินกันตั้งแต่หัวมุมของตลาด ซึ่งตลาดก็จะอยู่ทางด้านขวา ก็ใช้พื้นที่ประมาณ 2 เลนของถนน ยังคงเหลืออีกสองเลนให้รถได้สัญจรไปมา ร้านแรกๆ ก็ไม่ค่อยมีของที่เราชอบมากนัก ส่วนมากก็จะเป็นจำพวกเสื้อผ้าและอุปกรณ์ทำการเกษตร เดินดูของไปได้สักระยะก็จะเริ่มมีของที่หลากหลายมากขึ้น ก็จำพวกของเก่าวินเทจมือสอง ก็มี แว่นตา กล้องถ่ายวิดีโอ ไอแพด หมวกกันน็อค และของอื่นๆ อีกหลายอย่าง ก็ประมาณว่าปนๆ กันไป



เสียงพ่อค้าคนขายและลูกค้าที่ส่งเสียงต่อรองราคากันอยู่เป็นระยะๆ บ้างก็เดินดูของไปมา บ้างก็เจอของที่ชอบก็แวะต่อรองราคากัน ก้มๆ เงยๆ เดินสวนกันไปมาอยู่ตลอดเวลา เดินดูของเพลินๆ แวะไปเรื่อยๆ ก็ยังไม่เจอของที่ถูกใจ แวะร้านโน้นที ร้านนี้ที ก็ทักทายกับคนขายกันไปเรื่อยๆ กระหายน้ำก็แวะซื้อน้ำกิน



เดินช็อปฯ เพลินๆ กันไปประมาณช่วงกลางตลาด เราสองคนก็เจอของที่ถูกใจ มันคือ อุปกรณ์สำหรับส่องดูภาพ หรือ View Master เวลาจะดูก็ใส่แผ่นที่มีรูปภาพแบบสไลด์ เป็ยแผ่นกลมๆ มี 14 ช่อง เสียบเข้าไปแล้วก็ใช้นิ้วกดก้านทางด้านขวา แล้วเลื่อนกดดูไปเรื่อยๆ เพลิดเพลินดี ชิ้นนี้ก็ต่อรองราคากับพ่อค้า ก็ได้ราคาเป็นที่พอใจก็เลยซื้อมา



เดินไปสักระยะหนึ่งก็จะเจอกับร้านขายแผ่นเสียงและม้วนเทปคาสเซ็ท ราคาก็ไม่ถือกับว่าแพงมากนัก เทปเพลงก็มีหลายราคา 20 – 40 บาทบ้าง 50-100 บาทบ้าง แล้วแต่อัลบั้ม แล้วแต่ความดังของศิลปิน แต่เราก็ไม่ได้ซื้อเพราะยังไม่ถูกใจ อีกอย่างที่บ้านก็มีเป็นจำนวนมากแล้วด้วย



วันนี้ฟ้าใสเป็นใจซะเหลือเกิน แสงแดดก็ทำหน้าที่แบบไม่มีพัก เดินดูของๆ ก็ร้อนกันไป แต่ก็ไม่ทำให้เราหวาดหวั่น ตลาดแบบนี้เราสู้กันแบบยิบตากันเลยทีเดียว เดินดูของไปเรื่อยๆ แวะทางด้านซ้ายบ้าง ทางด้านขวาบ้าง สลับกันไป นอกจากแผ่นเสียงและม้วนเทปคาสเซ็ทแล้ว ก็จะเจอกับกล้องฟิล์มเก่าๆ เสียๆ เจอโทรศัพท์รุ่นเก่าที่เสียๆ พังๆ ก็ประมาณว่า ซื้อไปตั้งโชว์เพื่อย้อนอดีตวันวานกันไป

เสียงดีดกีตาร์จากนักร้องเปิดหมวกลอยมาให้ได้ยิน เพลงที่เล่นก็ประเภทเพื่อชีวิต และเพลงคันทรี่ ก็สร้างความเพลิดเพลินระหว่างที่กำลังเดินช้อปปิ้งหาของกัน ก็มีแวะสร้างภาพทักทายกัน ใครถูกใจก็สามารถให้เงินเป็นสินน้ำใจกันได้ ก็เป็นวิธิการหาเงินอีกวิธีหนึ่งที่มองดูแล้วโอเคมากๆ



มองไปไกลๆ เกือบๆ ท้ายตลาด เราจะมองเห็นรถสองแถวคันสีแดง เป็นรถขายกาแฟโบราณและเครื่องดื่มหลากหลาย กระหายน้ำเราก็เลยแวะจัดโอ้เลี้ยงและน้ำมะนาว คนขายเป็นคนจังหวัดระนอง รถที่ใช้เป็นรถสองแถวที่เรียกว่า “รถโพถ้อง” เป็นรถที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และก็จะพบเห็นได้ที่จังหวัดทางภาคใต้เท่านั้น ดื่มโอเลี้ยงและน้ำมะนาวพอดับกระหายกันแล้วก็ได้เวลาเดินทางกันต่อ โดยมีจุดหมายอยู่ที่ วัดพระขาว ปากช่อง






เวลาใกล้เที่ยงหลังจากเดินทาออกจากตลาดนัด พวกเราก็พากันแวะรับประทานอาหารมื้อเที่ยงกัน โดยมื้อนี้ก็จัดเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือร้านดัง ที่ร้าย “เตี๋ยวเป็ดกลางดง” ร้านนี้ลูกค้าเยอะเลย จอดรถเสร็จก็พากันเดินเข้าไปนั่งและสั่งเมนูกัน ก็เลือกเอาเมนูหลัก หรือเมนูซิกเนเจอร์ของร้านนั่นเอง หน้าตาดูดี แถมรสชาติยังโอเคอีกด้วย จัดกันคนละชามก็อิ่มกันไป อิ่มกันได้ที่ก็พากันออกเดินทางกันต่อ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ วัดพระขาว ระยะทางจากร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดไปยังวัดพระขาว อยู่ที่ประมาณ 9.8 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้นเอง



ก่อนจะไปไหว้พระที่ วัดพระขาว ปากช่อง พลังงานก็ถือว่าเป็นสิงจำเป็นสำหรับ Tank 500 Diesel ก็เลยพากันแวะที่ปั๊มเพื่อเติมน้ำมันให้กับยานพาหนะที่พาเรานำเที่ยว ก็เติมกันเต็มถังไปเลย ในครั้งนี้เราเลือกใช้บริการของปั๊มน้ำมันพีที ด้วยการเติมน้ำมันดีเซล PT Max ก็เติมไปเต็มถังได้แค่ 1,389 บาท จำนวน 44 ลิตร Tank 500 Diesel ประหยัดดีจริงๆ งั้นก็เที่ยวต่อกันยาวๆ ไปเลยงานนี้ เติมน้ำมันเสร็จก็ออกเดินทางกันต่อ โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ วัดพระขาว ปากช่อง ใช้เวลาเดินทางก็ไม่นานมากนัก เพียงแค่ 10 นาทีก็ถึง



จากถนนสายหลักที่เป็นถนนมิตรภาพ เลี้ยวซ้ายเข้าไปก็จะเจอกับถนนสองเลน ถนนที่มุ่งตรงไปยังวัดพระขาวจะเป็นตรงยาวๆ ไปจนสุดทาง ไปจนถึงซุ้มประตูของวัด ระยะทางจากปากทางของถนนมิตรภาพไปวัด ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นถนนที่ตรงและสวยมาก มองตรงๆ จากท้ายรถ เราจะมองเห็นองค์ของพระขาวอยู่ไกลๆ ตั้งตระหง่านอยู่บนเชิงเขาอย่างเห็นได้ชัด สองข้างทางของถนนก็จะเป็นไร่ของชาวบ้านที่ปลูกพืชผลทางการเกษตร มีบ้านเรือนและต้นไม้ใหญ่น้อยเรียงรายสลับกันอยู่แบบห่างๆ เป็นระยะๆ

ใกล้จะถึงวัดพระขาวจะมีสะพานลอยข้ามทางรถไฟสายอีสาน ทอดยาวไปจนสุดสายตา ขับลงจากสะพานได้ไม่นานก็จะเจอกับซุ้มประตูของวัด จนกระทั้งไปเจอลานจอดรถที่อยู่บริเวณขวามือที่เป็นลานกว้างๆ มีเอาไว้บริการนักท่องเที่ยว บริเวณด้านขวามือก็จะมีห้องน้ำเอาไว้คอยบริการอีกด้วย

วัดพระขาว หรือ วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม จะมีพระพุทธรูปปางประทานพรสีขาว ขนาดใหญ่ ชื่อว่า “พระพุทธสกลสีมามงคล” ตั้งอยู่บริเวณเขาสีเสียดอ้า หมู่บ้านกลางดง ทางฝั่งขวาของทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ตรงหลักกิโลเมตรที่ 150 มีทางแยกเข้าไปอีก 2 กิโลเมตร มีถนนราดยางเข้าไปถึงวัด ที่วัดเทพพิทักษ์ปุณณารามนี้มีพระพุทธรูปปางประทานพรสีขาว ขนาดใหญ่ ชื่อว่า “พระพุทธสกลสีมามงคล” เป็นซึ่งเป็นนามที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระบรม ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ส่วนชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า หลวงพ่อขาว หรือ หลวงพ่อใหญ่ ขนาดหน้าตักกว้าง 27.25 เมตร สูง 45 เมตร หมายถึง พระพุทธองค์โปรดเวไนยสัตว์อยู่ 45 พรรษา หรือเรียกว่า ทรงทำพุทธกิจอยู่ 45 พรรษา หลังจากที่ตรัสรู้แล้ว สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก โดดเด่นอยู่บนยอดเขาสูงจากระดับพื้นดิน 112 เมตร หรือ 56 วา หมายถึง พระพุทธคุณ 56 ประการ ทางซ้ายและทางขวาขององค์พระพุทธรูปสร้างโค้งเว้าในลักษณะใบโพธิ์ บันไดทั้งหมด มี 1,250 ขั้น หมายถึง จำนวนพระอรหันต์ที่ไปชุมนุมกันโดยมิได้นัดหมายในวันมาฆบูชา



เสียงแม่ค้าที่ขายของทักทายด้วยน้ำเสียงอันเป็นมิตร “ซื้ออาหารให้นกยูงมั้ยคะ” คือที่วัดพระขาว จะมีนกยูงอยู่เป็นจำนวนมาก เข้ามาอาศัยกินนอนอยู่ในบริเวณวัด เดินเล่นเหมือนไก่บ้าน แถมยังเชื่องเสียด้วยสิ อาหารถุงละ 20 บาทเท่านั้นเอง ซื้อเสร็จโปรยลงพื้นให้นกยูงมากิน ก็ดูเพลิดเพลินดี ใครต้องการถ่ายรูปกับนกก็ยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาบันทึกภาพได้เลย เสียดายที่วันนี้นกยูงไม่ได้กางปีกลำแพน เลยอดที่จะได้ภาพสวยๆ กัน



เดินออกจากลานจอดก็เลี้ยวขวาขึ้นเนินเล็กน้อย เราจะมองเห็นพระขาวตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอดเขา เดินไปสักพักก็จะเจอกับวัดที่มีบันไดขึ้นลงทั้งสองด้าน ตรงมุมบริเวณด้านซ้ายจะมีร้านกาแฟตั้งอยู่ เอาไว้คอยบริการสำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อมานั่งจิบและโปรยอาหารให้นกยูง บริเวณหน้าร้านจะมีอาหารของนกยูงตั้งจำหน่ายอยู่บนเก้าอี้ จำหน่ายถุงละ 20 บาท เราก็เลือกซื้อทั้งกาแฟและอาหารนกซะพร้อมกันเลย



จิบกาแฟไปก็โปรยอาหารให้นกไป และเพลิดเพลินไปกับการบันทึกภาพกับนกยูงเพื่อเป็นที่ระลึก แหม!! ถ้าลำแพนหางสักหน่อยก็จะดี จะได้ภาพสวยๆ คิดว่ามันคงลำแพนหางไม่ได้แล้วมั้ง? อันนี้ผู้เขียนก็แอบคิดเอาเองนะ 5555+



ก้าวขึ้นบันได้ไปยังบริเวณด้านบน ตรงกลางก็จะเป็นนั่งสำหรับรองรับญาติโยมหรือผู้มีจิตศรัทธาได้นั่งพัก ทางด้านซ้ายก็จะเป็นศาลาที่ด้านในมีพระพุทธรูปองค์สีทองประดิษฐานอยู่ เอาไหว้ให้ผู้คนได้เข้าไปกราบไหว้สักการะกัน บริเวณประตูทางเข้าจะมีดอกไม้ธูปเทียนจำหน่าย



เดินผ่านเข้าไปยังด้านในสุด ตรงนี้จะเป็นลานกว้างๆ มีพระพุทธรูปองค์สีขาว ซึ่งย่อส่วนเป็นองค์จำลองของพระขาว เอาไว้สำหรับคนที่ไม่สามารถขึ้นไปกราบไหว้องค์จริงที่อยู่ด้านบน ให้ได้กราบไหว้บูชาที่บริเวณด้านล่างกัน สำหรับผมก็ขอแค่ยืนไหว้อยู่ด้านล่างก็แล้วกัน เพราะสังขารก็ไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก บันไดตั้ง 1,250 ขั้น เป็นได้ขาสั่นเอาแน่ๆ บอกตัวเองว่า “อย่าฝืนสังขาร”

จริงๆ แล้วก็ต้องบอกก่อนว่า เมื่อหลายสิบปีผู้เขียนเองก็เคยขึ้นบันได 1,250 ขั้นไปไหว้องค์พระขาวมาแล้ว องค์ใหญ่มากๆ บอกเลย เมื่อยืนอยู่ด้านบนเราจะมองเห็นวิวทิวทัศน์สวยงามแบบ 180 องศา ยิ่งตอนเย็นๆ ใกล้ช่วงพระอาทิตย์ตกดินด้วยแล้ว บรรยากาศและแสงสีของท้องฟ้านัน้สวยงามมาก



ในขณะที่ยืนอยู่ด้นล่าง เราก็จะมองเห็นนักท่องเที่ยวกำลังเดินขึ้นบันไดไปยังบริเวณด้านบน บางส่วนก็กำลังพากันเดินลงมายังบริเวณด้านล่าง แสงแดดอ่อนๆ ในยามเย็น ทอดลำแสงเป็นเส้นแนวยาวสวยงาม สีเขียวชอุ่มของแมกไม้บนภูเขาที่ตัดกับองค์พระขาว ทำให้องค์พระนั้นโดดเด่นเป็นสง่าและมองเห็นได้อย่างชัดเจน



มองดูรอบๆ บริเวณวัด เราจะพบกับรูปปั้นของลิงกำลังถวายรังผึ้งให้ปแก่พระพุทธเจ้า มีรูปปั้นช้างตัวใหญ่งาขาวๆ ทำท่าหมอบไหว้พระพุธเจ้าเช่นเดียวกัน ใกล้ๆ กันก็ะมีกุฏิของพระสงฆ์ตั้งเรียงรายอยู่ห่างๆ เดินย้อนกลับลงมาจะมีระฆังห้อยเรียงรายอยู่สองข้างทางเดิน มีเอาไว้ให้ผู้คนได้ตีเพื่อส่งเสียงให้ดังกังวาลไปทั่วบริเวณ เป็นสัญลักษณ์ว่าได้ทำบุญแล้ว



ในขณะที่กำลังเดินลงมาเพื่อไปขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับ บริเวณรอบๆ เราจะเจอกับฝูงกระรอกตัวอ้วนๆ วิ่งกระโดดไปมาอย่างอิสระ นกยูงก็เดินเล่นตัดหน้าไปอย่างเชื่องช้า พวกเราก็เลยแวะโปรยอาหารให้นกยูงและก็พร้อมสร้างภาพกันไปด้วย เวลาประมาณเกือบๆ สี่โมงเย็นก็ได้เวลาเดินทางกลับ เป็นอันสิ้นสุดทริปท่องเที่ยวในครั้งนี้



Tank 500 Diesel 2.4T Ultra 4WD เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่แบบ PPV (Pickup Passenger Vehicle) 7 ที่นั่ง ที่มาพร้อมกับความหรูหราและความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดที่โดดเด่น

รุ่น 2.4T Ultra 4WD ถูกออกแบบมาเพื่อการขับขี่แบบออฟโรดอย่างแท้จริง ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Full-time (Full-time AWD) สามารถเลือกโหมดการขับขี่สูงสุดได้ถึง 8 โหมด ได้แก่ 2H / 4H / 4L / Snow / Mud / Sand / Rock / Expert มีระบบล็อกเฟืองท้ายไฟฟ้ามีมาให้ทั้ง ด้านหน้าและด้านหลัง (Front and Rear Electronic Locking Differentials) ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการตะกุยเมื่อติดหล่มหรืออยู่ในสภาพเส้นทางที่ยากลำบาก มีฟังก์ชัน Tank Turn ที่ช่วยให้การกลับรถในพื้นที่แคบทำได้ง่ายขึ้น พร้อม Off-road Cruise Control ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติสำหรับการขับขี่แบบออฟโรด มีระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ (Body Transparent): ช่วยให้มองเห็นสภาพพื้นผิวใต้ท้องรถ

Tank 500 Diesel 2.4T Ultra 4WD มาพร้อมกับหน้าจอคู่ขนาดใหญ่ เป็นมาตรวัดแบบดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัสขนาด 14.6 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto



เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Nappa พร้อมระบบปรับไฟฟ้า, ระบบนวด, และระบบระบายอากาศสำหรับเบาะนั่งคู่หน้าและแถวที่ 2

หลังคา Panoramic Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า สามารถสั่งเปิดปิดด้วยเสียง ด้วยการพูด “สวัสดี GWM ช่วยเปิด Sunroof ให้ด้วย”

ระบบเครื่องเสียง ม้แมาพรลำโพงพรีเมียม 12 ตำแหน่งระบบความปลอดภัย: เทคโนโลยีช่วยขับขี่ระดับ L2+ เช่น Adaptive Cruise Control (ACC), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA), ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ (IIP) และกล้องมองรอบคัน 540 องศา

Tank 500 Diesel 2.4T Ultra 4WD ยังมี Wireless Charger อยู่ที่บริเวณคอนโซลด้านล่างจอมอนิเตอร์ เพื่อการรองรับการชาร์ทสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย

ขอขอบคุณ บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ จำกัด ที่เอื้อเฟื้อรถยนต์ Tank 500 Diesel 2.4T ULTRA 4WD ยานพาหนะคู่การเดินทางสำหรับการท่องเที่ยวในครั้งนี้
