แพทย์วิมุตเตือน “หายใจได้” ไม่ได้แปลว่าปอดยังแข็งแรง รีบเช็กก่อนสายเกินไป

by TeawFinKinShop

หายใจได้ ไม่ได้แปลว่าปอดของคุณยังแข็งแรงดีเสมอไป ในทุกวันนี้ “ปอด” ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญของระบบทางเดินหายใจ กำลังถูกคุกคามทุกวินาทีโดยที่เราไม่รู้ตัว ทั้งจากฝุ่นพิษ PM 2.5 ควันบุหรี่ สารเคมีในอากาศ รวมถึงโรคระบาดอย่างโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ ที่แม้จะหายแล้วแต่ก็อาจทิ้งร่องรอยความเสียหายถาวรไว้ในปอดแบบไม่แสดงอาการ ความน่ากลัวที่สุดคือ โรคระบบทางเดินหายใจจำนวนมาก โดยเฉพาะ “มะเร็งปอด” มักไม่แสดงอาการใด ๆ เลยในระยะแรก คุณอาจยังรู้สึกแข็งแรงดี ทำกิจกรรมได้ตามปกติ แต่มะเร็งกลับกำลังค่อย ๆ ลุกลามอยู่ภายในโดยที่ไม่มีใครรู้

Asian woman being ill, coughing at fist, feeling sick at home, resting with laptop.

จากข้อมูลของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ มะเร็งปอดยังคงเป็นหนึ่งในสามอันดับต้น ๆ ของโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตคนไทยมากที่สุด และแนวโน้มยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ เคยอยู่ในพื้นที่ฝุ่นหนาแน่น หรือมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งปอด หลายคนมองว่าอาการไอ เหนื่อยง่าย หรือแน่นหน้าอก เป็นเพียงปัญหาเล็กน้อย หรือเกิดจากความเครียดในชีวิตประจำวัน แต่แท้จริงแล้วสิ่งเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายที่ซ่อนอยู่

hand holding lung shape made from paper on blue background with copy space, world tuberculosis day, transplant concept.

แม้หลายคนจะเข้ารับการตรวจสุขภาพปอดด้วยการเอกซเรย์ธรรมดาเป็นประจำทุกปี แต่ในความเป็นจริง การตรวจเพียงเท่านี้อาจไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของมะเร็งปอดระยะแรก ซึ่งก้อนเนื้อมักมีขนาดเล็กเกินกว่าที่จะปรากฏบนฟิล์มเอกซเรย์ ส่งผลให้โรคยังคงซ่อนตัวอยู่โดยที่เราคิดว่าปอดปกติ หากปล่อยให้เวลาผ่านไปจนเกิดอาการชัดเจน ส่วนใหญ่จะเข้าสู่ระยะที่ 3 หรือ 4 ซึ่งการรักษาอาจจะเปลี่ยนจากการหายขาดเป็นการรักษาเพื่อคุมโรคให้สงบ ไม่ว่าจะด้วยการใช้ยามุ่งเป้า ยาเคมีบำบัด ฉายแสง ซึ่งไม่เพียงแต่กระทบต่อร่างกาย แต่ยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างรุนแรง

LDCT หรือ Low-Dose CT Scan จึงกลายเป็นทางเลือกใหม่ในการคัดกรองโรคปอดที่ทั้งแม่นยำและปลอดภัยกว่าเดิม ด้วยการใช้ปริมาณรังสีน้อยกว่าการทำ CT Scan แบบปกติ แต่ยังคงสามารถตรวจพบก้อนเนื้อหรือความผิดปกติขนาดเล็กได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น แม้ในผู้ที่ยังไม่มีอาการใด ๆ เลย เทคโนโลยีนี้จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการค้นหามะเร็งปอดระยะเริ่มต้นในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง โดยเกณฑ์เบื้องต้นที่แนะนำให้เข้ารับการตรวจ ได้แก่ ผู้ที่มีอายุระหว่าง 50–80 ปี มีประวัติสูบบุหรี่สะสมตั้งแต่ 20 ซอง-ปีขึ้นไป ยังสูบบุหรี่อยู่ หรือเพิ่งเลิกสูบไม่เกิน 15 ปี และไม่มีอาการที่บ่งชี้ว่ามีมะเร็ง เช่น ไอเรื้อรัง น้ำหนักลด เหนื่อยง่าย และมีสุขภาพแข็งแรงพอที่จะรับการรักษาหากตรวจพบมะเร็ง ทั้งนี้ เกณฑ์ดังกล่าวเป็นแนวทางทั่วไปซึ่งเกิดจากงานวิจัยสู่คำแนวทางปฏิบัติ แต่ในบางกรณี เช่น ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเคยเป็นมะเร็งปอด หรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ อาทิการสูบบุหรี่แม้ไม่ถึง 20 ซอง-ปี การได้รับควันบุหรี่มือสอง การสัมผัสสารก่อมะเร็งที่มีวิจัยรองรับ ได้แก่ แร่ใยหินที่เคยใช้ในวัสดุก่อสร้างอย่างหลังคา กระเบื้อง หรือฉนวนกันความร้อนในอาคารเก่า ซึ่งเมื่อเสื่อมหรือแตกหักอาจปล่อยเส้นใยเล็ก ๆ ฟุ้งในอากาศให้สูดดมเข้าสู่ปอดโดยไม่รู้ตัว รวมถึงการได้รับรังสีเรดอน ซึ่งเป็นก๊าซกัมมันตรังสีจากดินและหินที่อาจสะสมภายในอาคารที่ระบายอากาศไม่ดี หรือมีโรคปอดเรื้อรังบางชนิด เช่น ถุงลมโป่งพอง ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งปอดขึ้นในอนาคต ในกรณีเหล่านี้แพทย์จะประเมินความเหมาะสมเป็นรายบุคคลก่อนเข้ารับการตรวจเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

อย่างไรก็ตาม จุดที่หลายคนอาจไม่ทราบคือ LDCT มีความไวสูงมากในการตรวจจับสิ่งผิดปกติ แม้จะมีข้อดีในการค้นหามะเร็งระยะเริ่มต้น แต่ความไวนี้ก็อาจนำมาซึ่งความวิตกกังวล เพราะบางครั้ง LDCT อาจพบ “จุดเล็ก ๆ” ที่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ หลายครั้งอาจเป็นเพียงหินปูนหรือร่องรอยการติดเชื้อในอดีต โดยเฉพาะวัณโรคซึ่งพบได้บ่อยในประเทศไทย หรืออาจเป็นก้อนที่ไม่อันตรายและไม่จำเป็นต้องรักษา ซึ่งจะต้องติดตามผลอย่างใกล้ชิด หากไม่มีแพทย์ผู้ชำนาญที่สามารถวิเคราะห์และอธิบายผลอย่างเหมาะสม ผู้ป่วยอาจเกิดความตื่นตระหนกโดยไม่จำเป็น และนำไปสู่การตรวจซ้ำหรือเข้ารับการรักษาโดยไม่จำเป็น ส่งผลต่อทั้งคุณภาพชีวิตและความเครียดโดยรวม

ผศ.นพ.วิรัช ตั้งสุจริตวิจิตร แพทย์ผู้ชำนาญด้านโรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิมุต อธิบายว่า LDCT ตรวจคัดกรองมะเร็งปอด — ไม่ใช่แค่เรื่อง “รู้ผล” แต่คือเรื่องของ “การรู้เท่าทัน” ทุกวันนี้ การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเข้มต่ำ (Low-Dose CT หรือ LDCT) กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการค้นหามะเร็งปอดระยะเริ่มต้น โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่สูบบุหรี่ หรือมีประวัติสัมผัสสารก่อมะเร็ง หลายคนอาจมองว่า “ทำ LDCT ก็แค่รู้ผล ว่าเป็นหรือไม่เป็นมะเร็ง” แต่ความจริงแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้ง่ายหรือจบแค่การรู้ผลเพียงอย่างเดียว สิ่งสำคัญที่ควรตระหนักคือ LDCT อาจพบสิ่งผิดปกติที่ไม่ใช่มะเร็งก็ได้ เช่น จุดเงาเล็กๆ ที่เกิดจากพังผืดหรือแคลเซียม  ร่องรอยจากการติดเชื้อในอดีต เยื่อหุ้มปอดที่หนาตัวจากการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจไม่มีอันตราย แต่หากผู้ป่วยไม่ได้รับคำอธิบายที่ชัดเจน ก็อาจเกิดความวิตกกังวลโดยไม่จำเป็น

ผศ.นพ.วิรัช ตั้งสุจริตวิจิตร ยังให้ความรู้เพิ่มเติมว่า โรคปอดไม่ได้มีแค่มะเร็ง แต่ยังรวมถึงโรคเรื้อรังที่คนไทยมักมองข้าม เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือ COPD ซึ่งเกิดจากการสูบบุหรี่และการสัมผัสฝุ่นควันเป็นเวลานาน โรงพังผืดในปอดหรือแม้แต่ภาวะปอดอักเสบหลังติดเชื้อไวรัส เช่น โควิด-19 ที่อาจจะยังคงทิ้งรอยแผลถาวรในปอดโดยไม่แสดงอาการ  โรคปอดที่เกิดจากการประกอบอาชีพ การปล่อยปละละเลยโรคเหล่านี้ไว้ในระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อสมรรถภาพในการหายใจ ทำให้เหนื่อยง่าย และเสี่ยงต่อการเสียหายของปอดในระยะยาวและบางครั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งปอดได้ในที่สุด

ด้วยเหตุนี้ โรงพยาบาลวิมุตจึงให้ความสำคัญกับการดูแลทั้งก่อนและหลังการตรวจ LDCT มากพอ ๆ กับการตรวจเอง โดยมีทีมแพทย์เฉพาะทางด้านระบบทางเดินหายใจที่มีประสบการณ์ในการอ่านผลและวิเคราะห์ร่วมไปกับประวัติสุขภาพของผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อให้มั่นใจว่าไม่เพียง “พบความผิดปกติ” แต่ยังสามารถ “ตีความได้อย่างถูกต้อง” ไม่สร้างความตระหนกเกินความจำเป็น

เพราะในโลกที่เต็มไปด้วยมลพิษและความเสี่ยงที่มองไม่เห็น ปอดของคุณอาจกำลังถูกทำลายไปทีละน้อยโดยไม่รู้ตัว การรู้เท่าทันและคัดกรองให้เร็วที่สุด จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือโอกาสในการเลือกที่จะดูแลสุขภาพ และการตรวจ LDCT อย่างถูกวิธี กับแพทย์ที่เชี่ยวชาญ ไม่ใช่แค่การ “ทำให้ครบ” แต่คือ “เครื่องมือที่ช่วยชีวิต” อย่างแท้จริง

นอกจากการตรวจคัดกรองที่แม่นยำแล้ว การดูแลสุขภาพปอดในชีวิตประจำวันโดยเน้นการป้องกันก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยควรหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีฝุ่นหรือมลภาวะสูง และสวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องออกนอกบ้านเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในช่วงที่ค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่งสูง การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบในระบบทางเดินหายใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอเรื้อรัง หอบเหนื่อย เจ็บแน่นหน้าอก หรือมีเสมหะเรื้อรัง ควรรีบพบแพทย์ทันที และอย่าลืมตรวจสุขภาพปอดอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงสูง ควรพิจารณาการตรวจด้วย LDCT เพื่อเพิ่มโอกาสในการค้นพบความผิดปกติตั้งแต่เนิ่น ๆ และรับการดูแลอย่างเหมาะสม

ผู้ที่สนใจสามารถนัดหมายเพื่อตรวจ LDCT หรือตรวจสุขภาพปอดแบบครบครัน พร้อมปรึกษาทีมแพทย์เฉพาะทางได้ที่ ศูนย์สุขภาพปอด ชั้น 7 โรงพยาบาลวิมุต เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 – 20.00 น. โทร. 02-079-0315 หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ViMUT เพื่อจองคิวและเข้ารับบริการได้อย่างสะดวก

You may also like

Green House Media and Event Co.,Ltd.

252 Soi Lat Phrao 93, Lat Phrao Road,
Khlong Chaokhun Sing, Wang Thonglang,
Bangkok 10310

Contact us: news@joinalife.com

© 2024 TeawFinKinShop. All rights reserved. Design & Developed By : R Web Design