เมื่อเร็วๆ นี้ ทางทีมงานเว็บไซต์ Joinalifethailand ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมขับทดสอบรถ All-New Mitsubishi Xforce เส้นทาง กรุงเทพฯ -เขาใหญ่ โดยกิจกรรมในครั้งนี้ถือเป็นกลุ่มของสื่อมวลชนสายไลฟ์สไตล์โดยเฉพาะ เป็นการทดสอบสมรรถนะและทดสอบในเรื่องของการประหยัดนำ้มัน ถือเป็นประสบการณ์อีกครั้งกับการขับขี่ในสภาพถนนจริงๆ
ในเวลาช่วงเช้าๆ ของวัน สื่อมวลชนสายไลฟ์สไตล์ก็ได้เดินทางมารวมตัวเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมทดสอบ All-New Mitsubishi Xforce กันที่ Cin Cin – Brunch | Dinner & Wine ถนนประดิฐ์มนูธรรม นวลจันทร์ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเราสองคนมากนัก ใช้เวลาในการเดินทางพียงแค่เ 20 นาที้เท่านั้นเอง
หลังจากลงทะเบียนเสร็จแล้ว ทางทีมงานก็เชิญเราไปนั่งรับประทานอาหารกันที่บริเวณชั้นล่างของร้าน การต้อนรับจากทางทีมงานเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเป็นกันเอง สื่อมวลชนต่างก็พากันทะยอยเดินทางมาสมทบกันเรื่อยๆ ซึ่งต่างก็คุ้นหน้าคุ้นตาและรู้จักกันเป็นอย่างดี
เมื่อถึงเวลาก็พากันขึ้นไปที่ชั้น 2 ของร้านเพื่อเข้ารับฟังรายละเอียดของกิจกรรมของทดสอบรถในครั้งนี้ ก็มีการอธิบายถึงข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ของ All-New Mitsubishi Xforce รวมไปถึงเส้นทางและจุดแวะพักและทำทำคอนเท้นต์ต่างๆ ที่ทางทีมงานได้วางรูปแบบเอาไว้ โดยครั้งนี้จะมีการทดสอบทั้งทางเรียบ ถนนที่เป็นทางขรุขระ หรือแม้กระทั่งถนนที่เปียกในขณะฝนตก ซึ่งจะได้ให้เราเลือกใช้โหมดในการขับขี่จากตัวรถได้แบครบๆ ถึง 7 โหมดด้วยกัน
เวลา 9.30 น. ทั้งคณะก็ได้มารวมตัวกันถ่ายภาพหมู่ร่วมที่บริเวณด้านหน้าของร้าน Cin Cin – Brunch | Dinner & Wine หลังจากนั้นก็พากันเข้าไปนั่งประจำรถของตัวเองในแต่ละคัน โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ และตามเบอร์ของรถในแต่ละคัน ซึ่งก็มีทั้งหมด 8 คัน 8 หมายเลข สำหรับคันของเราได้เป็นรถหมายเลข 5 มีสมาชิกร่วมเดินทางทั้งหมด 3 คน ก็มีเราสองคนจากเว็บไซต์ joinalifethailand และ อุ้ม จากเว็บไซต์ Taste so Talk ซึ่งจะเป็นคนขับทดสอบมือแรก โดยมีจุดแวะพักที่แรกก็คือ ร้านอาหาร Arden Restaurant จ.ปราจีนบุรี เพื่อรับประทานอาหารมื้อกลางวันร่วมกัน
ในระหว่างการเดินทางเพื่อทำการขับทดสอบ ก็ได้สัมผัสถึงรูปร่างของ All-New Mitsubishi Xforce ภายนอกและภายในดูหรูหรา และคันของพวกเราก็ได้เป็นรถเหลืองสดใส เวลาเจอกับแสงแดดสีมันช่างโดดเด่นเข้าตาเสียจริง อันดับแรกก็ต้องทดสอบระบบเสียงกันก่อนเลย การเชื่อมต่อบลูทูธทำได้อย่างรวดเร็ว เพลงที่เหมาะสำหรับการเดินทางก็ต้องเป็นแนวคันทรี่ เพราะมันดูเข้ากับบรรยากาศของการเคลื่อนตัว คล้ายๆ กับการควบม้า อะไรประมาณนั้น
เครื่องเสียงที่ทาง All-New Mitsubishi Xforce ติดตั้งมากับตัวรถ ทางมิตซูบิชิเลือกใช้ Yamaha ซึ่งถือเป็นยี่ห้อเครื่องเสียงที่หลายๆ คนรู้จักกันเป็ฯอย่างดี รถคันนี้ติดตั้งลำโพงหลักทั้งหมด 8 ตัว พร้อมลำโพงเสียงแหลมอีก 4 ตัว ให้เสียงที่ครอบคลุมทั่วบริเวณภายในตัวรถ เสียงที่ได้ฟัง อวบ อิ่ม ฟังสบายๆ เบสนุ่มๆ กำลังดี เสียงกลางแหลมชัดมีรายละเอียด จึงทำให้เราสนุกไปกับเสียงเพลงจากเครื่องเสียง Yamaha ในขณะเดินทางได้อย่างเพลิดเพลิน
เดินทางมาได้ประมาณครึ่งทางเม็ดฝนก็โปรยปรายลงมา มองเห็นสายน้ำกระเซ็นในยามที่รถขับผ่านน้ำ ดูแล้วก็สวยงามไปอีกแบบ สำหรับโหมดที่ฝนตกถนนลื่น เราเลือกใช้ Wet Mode เป็นโหมดที่ช่วยลดการลื่นไถลของยาง และเป็นการช่วยเพิ่มเสถียรภาพแม้ในสภาพที่ฝนกำลังตกอย่างหนัก สร้างความมั่นใจในยามขับขี่ได้อย่างดีและปลอดภัย กับ All-New Mitsubishi Xforce
ขับรถตามกันเป็นขบวนแบบคาราวาน โดยเรียงจากเบอร์ 1 ถึงเบอร์ 8 ตามลำดับ บางช่วงก็ชะลอตัวให้ทางทีมงานได้เก็บภาพอยู่เป็นระยะๆ เสียงตามสายที่พูดผ่านเรื่องมือสื่อสารบอกอยู่ตลอดเวลา มีบางช่วงก็จะเจอกับถนนที่เป็นทางขรุขระ เราก็เปลี่ยนไปเป็นไปใช้ Gravel Mode โหมดนี้จะเป็นการช่วยลดอาการลื่นไถลและเพิ่มความมั่นคงบนถนนลูกรังได้เป็นอย่างดีอีกเช่นกัน
หลังจากขับผ่านไปแล้วก็เข้าสู่ถนนที่เป็นทางเรียบ เราก็ปรับมาใช้ Normal Mode บางครั้งก็ทดลองไปใช้ EV Mode เป็นโหมดที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพื่อขับเคลื่อนมอเตอร์โดยไม่ต้องสตาร์ตเครื่องยนต์ โหมดนี้มีความเงียบสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องกังวลเรื่องเสียงรบกวนเมื่อต้องขับขี่ในบริเวณที่ต้องการความเงียบ หรือถ้าจะขับรถไปด้วยและชาร์จไฟไปด้วย ก็ต้องใช้ Charge Modeโหมดนี้จะเป็นการใช้เครื่องยนต์เพื่อชาร์จแบตเตอรี่เมื่อพลังงานเหลือน้อยในขณะขับ หรือจอดรอได้ เพื่อให้สามารถใช้โหมด EV ได้นานขึ้นตามต้องการนั่นเอง
ในส่วนของจอมอนิเตอร์ บอกเลยว่าออกแบบมาได้สวยงาม มีขนาดใหญ่ ตัวหนังสือคม ทัชลื่น อินเทอร์เฟสสวยงาม การให้สีก็แลดูง่าย ปรุ่มปรับโหมดต่างๆ อยู่ในตำแหน่งที่พอดิบพอดีกับการใช้งาน แอร์แยกอิสระทั้งซ้ายและขวา รวมไปถึงเบาะด้านหลัง ซึ่งผู้โดยสารสามารถเลือกที่ปรับได้อิสระและตามความต้องการ การออกแบบโดยรวมถือว่าทำออกมาได้ดีและลงตัว ดูหรู สวย และมีความคลาสสิคอยู่ในตัว เดินทางมาได้ไม่นานพวกเราก็เดินทางถึงร้านอาหาร ที่ Arden Restaurant จ.ปราจีนบุรี เพื่อรับประทานอาหารมื้อกลางวันร่วมกัน
ใช้เวลาร่วมๆ ชั่วโมงก็ออกเดินทางเพื่อขับทดสอบ All-New Mitsubishi Xforce กันต่อ ครั้งนี้ก็ได้เวลาเปลี่ยนคนขับเป็นคุณจอย จากเว็บไซต์ Joinalifethailand โดยมีจุดหมายของการเดินทางอยู่ที่ร้านกาแฟ Curf Cafe
ระหว่างการเดินทาง การขับทดสอบก็เป็นไปอย่างสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้โหมดในการขับขี่ให้เหมาะกับสภาพถนน หรือแม้กระทั่งสร้างความเพลิดเพลินไปกับการฟังเพลงจากเครื่องเสียง จาก Yamaha เและเพลงที่ที่เราเลือกก็คงเป็นแนวคันทรี่อีกเช่นเคย
เวลาประมาณบ่ายสองโมงออกเดินทางไปแวะจิบกาแฟและขนมอร่อยๆ พร้อมกับทำคอนเทนต์กันที่ร้าน Curf Cafe เครื่องดื่มและขนมถูกเตรียมเอาไว้พวกเราเรียบร้อย นั่งพักจิบเครื่องดื่มและขนมเค้กกันให้พอหายเหนื่อย หลังจากนั้นก็ลุกไปหามุมสร้างภาพเช็คอินกัน
ที่ร้าน Curf Cafe นอกจากจะแวะพักจิบกาแฟ ก็มีให้ทางสื่อมวลชนได้ถ่ายทำคอนเท้นต์กันอีกด้วย โดยที่ทางทีมงานจะเป็นคนจัดคิวให้ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็พอกันออกเดินทางไปแวะชมฝูงวัวกระทิงกันที่ จุดชมวิวเขาแผงม้า
เดินทางถึงจุดชมวิวเขาแผงม้าเวลาประมาณบ่านสี่โมงกว่าๆ จอดรถเสร็จก็พากันเดินขึ้นไปยังเนินของ จุดชมวิวเขาแผงม้าเพื่อไปส่งดูฝูงวัวกระทิง บนเนินของจุดชมววิวจะมีรูปปั้นของวัวกระทิงขนาดใหญ่ตั้งอยู่อย่างโดเด่น พวกเราต่างก็พากันไปยืนสร้างภาพกับรูปปั้นของวัวกระทองกันก่อน หลังจากนัเนก็เดินไปยังจุดที่สามารถมองเห็นฝูงกระทิง ซึ่งสามารถมองเห็นอยู่ไกลๆ ด้วยตาเปล่า หรือจะใช้กล้องส่องทางไกลช่วยอำนวยความสะดวกในการมองเห็นกันแบบชัดๆ ที่นี่ก็มีเอาไว้บริการอีกด้วย
ซึ่งเมื่อมองผ่านกล้องเราสามารถมองเห็นฝูงวัวกระทิงได้อย่างชัดเจน สำหรับผมก็ใช้สามารถโฟน Xiami 15 Ultra ถ่ายภาพฝูงวัวกระทิง ด้วยการซูฒถึง 200 เท่า ภาพที่ได้ก็ถือว่าชัดพอสมควร สามารถนับจำนวนของวังกระทิงได้ถึง 9 ตัว กำลังนอนเรียงรายเคี้ยวเอื้องหลบแดดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ อยู่ชมวัวกระทิงและสร้างกันได้ไม่นานทั้งคณะก็ออกเดินทางกันต่อ โดยครั้งนี้จะเป็นการขับแบบสบายๆ ชิลล์ๆ ตามกันไป มุ่งหน้าเข้าสู่ที่พักที่ Labaris Khao Yai เพื่อนอนพักค้างคืนและทำกิจกรรมกันต่อของเช้าวันถัดไป
การขับขี่ก็ยังคงใช้ Normal Mode ขับตามกันไปเรื่อยๆ ความเร็วรถอยู่ระหว่าง 80-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง สองข้างทางเต็มไปด้วยสีเขียวของทุ่งหญ้า และพืชไร่ของชาวบ้าน มองดูแล้วสดชื่นดี ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงก็เดินทางถึง ที่ Labaris Khao Yai เป็นอันสิ้นสุดการขับทดสอบ All-New Mitsubishi Xforce
ดับเครื่องยนต์พร้อมส่งมอบรถให้กับทางทีมงาน หลังจากนั้นก็พากันเดินลากกระเป๋าและสัมภาระไปทำการเช็คอินเพื่อเข้าห้องพัก ต้องบอกเลยว่าที่พักที่ Labaris Khao Yai ใหญ่โต หรูหรา และร่มรื่นเอามากๆ เป็นโรงแรมที่ดูทันสมัย ทั่วทั้งบริเวณถูกปกคลุมไปด้วยสีเขียวของต้นไม่ใหญ่น้อย ดูแล้วสดชื่นและช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลายได้ดีจริงๆ
ที่พักของที่นี่จะถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ ตามหมายเลข มีประตุแยกตามแต่ละกลุ่มในแต่ละหมายเลขห้อง เปิดประตูเข้าไปก็จะมีทางเดินไปสู่ห้องพัก ทั้งซ้ายและขวาของทางเดินจะปลูกต้นไม้สร้างเป็นกำแพง ดูแล้วส่วนตัวดี
ภายในห้องพักกว้างขวางเอามากๆ เตียงนอนมีขนาดใหญ่ น่าจะประมาณ 10 ฟุตได้ ถูกปูด้วยผ้าขาวเนียนเรียบ สะอาดสะอ้าน ทีวี ตู้เย็น และอุปกรณ์ภายในห้องมีมาให้แบบครบๆ ห้องน้ำมีขนาดใหญ่และกว้างขวาง แยกแบบเปียกและแห้งออกจากกันอย่างอิสระ
เปิดประตูออกๆปบริเวณด้านนอก ด้านซ้ายของประตูจะมีเก้าอี้ให้นั่งชิลล์ๆ ชื่นชมความงามของแมกไม้ได้อย่างเพลินๆ มองออกไปไกลๆ จะเจอกับต้นไม้และสนามหญ้าที่เขียวชอุ่ม ถูกปกคลุมไปด้วยสีเขียวของใบไม้ของต้นไม้ใหญ่น้อย สร้างความสดชื่นในยามพักผ่อนได้เป็นอย่างดี สร้างภาพกันเสร็จก็ได้เวลาออกไปร่วมรับประทานอาหารมื้อค่ำร่วมกัน
สำหรับมื้อค่ำที่ทางมิตซูบิชิจัดให้ บอกเลยว่าหรูหรา ดูดีเอามากๆ อาหารก็ยกมาเสิร์ฟในรูแบบของฟิวชั่น แยกและเรียงลำดับตามแต่ละเมนู สลับสับเปลี่ยนไปพร้อมเครื่องดื่มอันเลิศรส ไวน์แต่ละชนิดถูกรินใส่แก้วให้ชิมตามลำดับ เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง มื้อนี้เล่นเอาพวกเราอิ่มแปล้ไปตามๆ กันเลยทีเดียว
เช้าของอีกวัน ที่ Labaris Khao Yai หลังจากรับประทานหารมื้อเช้านเสร็จ ทางมิตซูบิชิก็ให้สื่อมวลชนได้ร่วมทำกิจกรรมเวิร์คช็อป ด้วยการทำป้ายติดกระเป๋าเดินทาง (Luggage Tag) โดยที่ทางทีมงานได้เตรียมอุปกรณ์เอาไว้ให้ ก็แล้วแต่ไอเดียของแต่ละคนว่าจะดีไซน์กันแบบไหน ทำเสร็จแล้วทางทีมงานก็นำเอาไปใส่กล่องและมอบให้เราเอากลับไปใช้งานกันต่อไป
เสร็จจากกิจกรรมเวิร์คช็อปก็สลับสับเปลี่ยนกันไปถ่ายทำคอนเท้นต์ ของ All-New Mitsubishi Xforce กันต่อ โดยที่ทางทีมงานจะเป็นคนกำหนดเวลาให้สื่อละ 15 นาที ก็แล้วแต่ใครจะถ่ายทำกันแบบไหน สำหรับเราก็ถ่ายเป็นภาพนิ่ง ทั้งภายนอกและภายในกันแบบละเอียดเพื่อนำเอาไปใช้งาน
เวลาเกือบๆ เที่ยงวัน ทั้งคณะก็เดินทางออกจากที่พัก ขับมุ่งหน้าสู่ร้านอาหาร Ribb Mans Khao Yai เพื่อไปแวะรับประทานอหารมื้อกลางวันด้วยกัน โดยมื้อนี้ทางมิตซูบิชิจัดเมนูอาหารมาให้แบบเต็มอัตรากันเลยทีเดียว แถมตบท้ายด้วยของหวานและผลไม้เข้าไปอีก อิ่มมากมื้อนี้บอกเลย
เดินทางออกจากร้าน Ribb Mans Khao Yai เวลาบ่ายสองโมง คราวนี้ก็จะเป็นการขับทดสอบแบบประหยัด โดยมีระยะทางจากร้านอาหาร Ribb Mans Khao Yai ไปสิ้นสุดอยู่ที่ปั๊ม ปตท. สาขาวังน้อย เส้นทางก่อนที่จะขึ้นทางด่วนมอเตอร์ไวย์ การขับแบบประหยัดในครั้งนี้ก็แล้วแต่คนขับในแต่ละคัน และเทคนิกของแต่ละคน สำหรับคันของพวกเราก็ขับกันแบบสบายๆ ชิลล์ๆ ตามสายงานของสื่อท่องเที่ยวแบบไลฟ์สไตล์ ประมาณว่า ขับแบบการใช้ในชีวิตประจำวัน แอร์ก็เปิดความเย็นอยู่ที่ 23 องศา เพลงก็เปิดฟังตลอดการเดินทาง
ระหว่างทางก็แวะเข้าปั๊มก็ โหมดที่ใช้ก็เป็น Normal Mode สลับกับ Tarmac Mode บางครั้งเจอกับฝนตกก็สลับไปใช้ Wet Mode ก็สลับสับเปลี่ยนไปแล้วแต่สถานการณ์ สุดท้ายพวกเราก็เข้าเป็นอันดับเกือบสุดท้ายของกลุ่ม โดยที่คันของพวกเราเติมน้ำมันอยู่ที่ 4.685 ลิตร จ่ายค่าน้ำมันไป 158.4 บาท สรุป คันของพวกเราที่ขับกันแบบสบายๆ ชิลล์ๆ ก็ได้อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 24.3 กิโลเมตร/ลิตร ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้เลยทีเดียว
จากปั๊ม ปตท. ก็ขับกันยาวๆ มุ่งหน้าสู่ร้าน Cin Cin Cafe เพื่อส่งมอบรถ พร้อมประกาศผลการแข่งขันแบบประหยัดน้ำมันให้กับคันที่ทำคะแนนได้ดีที่สุด ก็เป็นอันสิ้นสุดกิจกรรมขับทดสอบ All-New Mitsubishi Xforce ในครั้งนี้เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ
ขอบขอบคุณ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้โอกาสเว็บไซต์ joinalifethailad ได้เข้าร่วมทดสอบและสัมผัสกับสมรรถนะของ All-New Mitsubishi Xforce รถยนต์เอสยูวีที่เพียบพร้อมไปด้วยสมรรถนะและคุณสมบัติรอบด้าน ที่สำคัญ ในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน All-New Mitsubishi Xforce รุ่นนี้ทำออกมาดีและประหยัดได้อย่างเป็นที่น่าพอใจจริงๆ
